วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Sony NEX-5 สะดวกทุกการใช้งาน

Review : Sony NEX-5 สะดวกทุกการใช้งานดูภาพชุดจาก Manager Multimedia
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์5 สิงหาคม 2553 11:24 น.


จะว่าไปแล้วช่วงปี 2 ปีนี้ กระแสกล้องถ่ายรูปด้วยกล้อง DSLR ในบ้านเราค่อนข้างแรงพอสมควร ด้วยราคาที่สูงกว่ากล้องคอมแพกต์รุ่นท๊อปๆ เพียงไม่กี่พันบาท แต่กลับให้ความสามารถที่มากกว่า อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเป็นมืออาชีพมากกว่าการใช้กล้องคอมแพกต์

แต่จะมีมือใหม่ที่ใช้กล้อง DSLR ซักกี่คนที่สามารถดึงความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวกล้องขนาดใหญ่นั้นมาใช้ได้เต็มที่....NEX-5 นับเป็นกล้องตระกูลใหม่จากโซนี ที่ได้มีการย่อขนาดตัวกล้องให้เล็กลงด้วยการตัดส่วนที่เป็นกระจกออกไป โดยที่ตัวกล้องยังคงความสามารถแบบที่กล้อง DSLR ทำได้ อีกทั้งยังใส่ฟีเจอร์การถ่ายภาพที่อยู่ในกล้องคอมแพกต์ลงไป เพื่อให้ง่ายต่อการปรับใช้งานของผู้ใช้มือใหม่ที่ยังไม่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพมากนัก แต่ต้องการกล้องที่ให้ความรู้สึกเหมือนกล้องมือโปร อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่ต้องการกล้องขนาดเล็กที่สามารถปรับค่าต่างๆ ได้เหมือนกล้องโปร

โดย NEX-5 ใช้เซนเซอร์รับภาพแบบ APS HD CMOS ความละเอียด 14.2 ล้านพิกเซล หน่วยประมวลผล BIONZ รุ่นล่าสุดที่สามารถตั้งค่า ISO ได้สูงสุดถึง 12,800 จุดโฟกัสภาพ 25 จุด หน้าจอแอลซีดีขนาด 2.95 นิ้ว และรองรับหน่วยความจำภายนอกทั้ง Memory Stick และ SDXC

Feature On Sony NEX-5



อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ากล้องตัวนี้มาพร้อมโปรแกรมถ่ายภาพสำเร็จรูปมากมาย เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ในทุกๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นโหมด Intelligent Auto (iAuto), Program Auto (P), Aperture Priority (A), Shutter Priority (S), Manual Exposure (M), Sweep Panorama, Auto Motion Blur และ Scene Selection



เริ่มกันที่โหมด iAuto ซึ่งก็คือโหมด Auto บนกล้องคอมแพกต์ตัวอื่นๆ แต่จะฉลาดกว่าตรงนี้ระบบจะทำการตรวจจับสิ่งที่เราต้องการถ่ายเพื่อปรับค่าให้เหมาะสม ภาพที่ได้มีความสวยงาม อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี Face Detection, Smile Shutter และ Smile Detection



โหมด Anti-Motion Blur หรือโหมดช่วยลดการเบลอของภาพ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยโดยไม่ใช้แฟลช โดยระบบจะทำการถ่ายภาพ 6ครั้ง จากการกดชัตเตอร์ครั้งเดียว แล้วนำมาประมวลผลเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดที่สุดเพียงภาพเดียว

แต่การถ่ายภาพโดยใช้โหมดนี้ผู้ใช้ไม่สามารถตั้งค่าจุดโฟกัสเองได้ อาทิการถ่ายภาพบุคคล บางครั้งผู้ใช้งานอาจต้องระวังเรื่องจุดโฟกัสซักเล็กน้อย เพื่อให้ได้ภาพในแบบที่ตัวเองต้องการ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับระดับ Background Defocus หรือระดับความชัดลึก ชัดตื้นของภาพได้เอง โดยไม่ต้องทำการตั้งค่ารูรับแสงเอง เพียงแค่กดปุ่มวงกลมสีเงินตรงโรลเลอร์ด้านขวามือจากนั้นหมุนโรลเลอร์ขึ้นลงเพื่อหาระดับความคมชัดที่ตัวเองต้องการ



Auto HDR เป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งบนกล้องโซนี่ที่จะช่วยทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยมีความสว่างมากยิ่งขึ้น โดยระบบจะทำการเก็บภาพ 3 ครั้งที่มีความแตกต่างของสภาพแสง แล้วนำภาพที่ได้มารวมกันเป็นภาพเดียว ดังนั้นภาพที่ได้จึงมีความสว่างทั่วทั้งภาพโดยเฉพาะในส่วนมืด




Scene Selection หรือการถ่ายภาพตามสถานะการณ์ที่ต้องการ โดยจะมีให้เลือกทั้งการถ่าย Portait (การถ่ายภาพบุคคล), Landscape (การถ่ายวิว), Macro (การถ่ายภาพระยะใกล้), Sport Action (การถ่ายภาพกีฬา), Sunset (การถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้น-ตก), Night Portait (การถ่ายภาพบุคคลในเวลากลางคืน), Night View (การถ่ายภาพวิวกลางคืน) และ Hand-held Twillight (การถ่ายวิวกลางคืนโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง)



ซึ่งจุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง ที่โซนี่ทำขึ้นมาเพื่อตอบสนองการใช้งานผู้ใช้มือใหม่ ที่ต้องการฝึกฝนการใช้งานกล้องคือ Shoot. Tips หรือเคล็ดลับการถ่ายภาพ ที่มีให้เลือกศึกษาแทบจะทุกรูปแบบการถ่ายรูป เพียงผู้ใช้งานกดที่ปุ่มวงกลมด้านล่างขวามือของหน้าจอแสดงผล โดยจะมีภาษาให้เลือกทั้งอังกฤษ, ฝรั่งเศส,เกาหลี, ญี่ปุ่น, จีน, โปรตุเกส, อาหรับ, ไทย, มาเลเซีย




Sweep Panorama การถ่ายภาพพาโนรามาจากกล้องตัวนี้ทำได้ง่ายเพียงกดชัตเตอร์แค่ครั้งเดียว แล้วเลื่อนมือไปตามทางที่เราตั้งค่าไว้ ระบบจะทำการบันทึกภาพและรวมภาพอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะจะเริ่มจากซ้ายไปขวา, ขวาไปซ้าย, บนลงล่าง และล่างขึ้นบน การรวมภาพทำได้เนียนดี แต่ถ้าเคลื่อนมือเร็ว หรือเคลื่อนมือในระดับที่ไม่เท่ากันระบบจะไม่ทำการบันทึกให้ หรือการต่อภาพจะไม่เนียน



โหมด P ระบบจะทำการตั้งค่ารูรับแสง และความไวชัตเตอร์ให้ โดยที่ผู้ใช้จะต้องตั้งค่า ISO, White Balance, จุดโฟกัส(หรือจะใช้ออโต้โฟกัสที่กึ่งกลางภาพก็ทำได้), การวัดแสง รวมถึงการชดเชยแสงเอง ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้งานที่กำลังจะเริ่มหัดปรับค่าต่างๆ เอง



โหมด A เหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่ต้องการความคมชัดเป็นหลัก อาทิเช่นการถ่ายภาพวิว หรือภาพบุคคล ซึ่งโหมดนี้จะทำงานคล้ายกับโหมด P แต่ผู้ใช้ต้องปรับค่ารูรับแสงเอง ขึ้นอยู่กับระยะชัดตื้น ชัดลึกที่ตัวเองต้องการ



โหมด S เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว อาทิกีฬา, รถ, พลุ, น้ำตก โดยผู้ใช้จะเป็นคนกำหนดค่าความไวชัตเตอร์เอง แล้วระบบจะคำนวนค่ารูรับแสงในระดับที่เหมาะสมให้



โหมด M ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้งานมือโปรที่ต้องการตั้งค่าต่างๆ เอง ไม่ว่าจะเป็นค่ารูรับแสง, ความไวชัตเตอร์, ISO, White Balance, จุดโฟกัส และการวัดแสง



การบันทึกวิดีโอ NEX-5 สามารถบันทึกภาพวิดีโอที่ความละเอียด Full HD 1920x1080 พิกเซล ซึ่งต่างจากรุ่น NEX-3 ซึ่งบันทึกวิดีโอในรูปแบบ MP4 1440x1080 การบันทึกวิดีโอทำได้ง่ายเพียงกดปุ่ม Movie สีแดงด้านบนขวามือของกล้องเพียงปุ่มเดียว

จากการทดสอบโดยต่อสาย HDMI จากกล้องเข้ากับแอลซีดีทีวีขนาด 40 นิ้ว เพื่อรับชมภาพจากกล้องโดยตรง ภาพมีความคมชัดดี การแสดงผลภาพได้ราบรื่น ไม่กระตุก โดยไฟล์ที่ได้จากการบันทึกจะเป็น .mts ถ้าผู้ใช้งานต้องการอัปโหลตวิดีโอลงอินเทอร์เน็ต หรือเก็บไว้ดูในเครื่องเล่น MP3 จะต้องทำการแปลงไฟล์ให้เป็น .avi หรือ .wma ก่อน



สำหรับรูปแบบการแสดงผลหน้าจอนั้นมีให้เลือก 3 แบบตามความถนัดคือ แบบหน้าจอโล่ง(คล้ายในกล้องคอมแพกต์), แบบที่แสดงผลบนกล้อง DSLR และแบบมองผ่านช่องมองภาพ

Setting

การตั้งค่ากล้อง เริ่มกันที่โหมดถ่ายภาพ มีถ่ายทีละภาพ, ถ่ายต่อเนื่อง, ถ่ายต่อเนื่องแบบเร็ว (7ภาพต่อวินาที), ตั้งเวลาถ่ายภาพ 10 วินาที, ตั้งเวลาถ่ายภาพ 10 วินาทีถ่าย 3 ภาพ, ต่อเนื่อง 3 ภาพ โดยแต่ละภาพจะมีความสว่าง (EV) ต่างกันภาพละ 0.3 และรีโมทคอนโทรล

การโฟกัสภาพ ออโต้โฟกัส, DMF และโฟกัสด้วยตัวเอง การเลือกจุดโฟกัส หลายจุด, กลางภาพ, จุดที่สามารถปรับได้



ขนาดของภาพ ผู้ใช้งานสามารถเลือกสัดส่วนของภาพที่ต้องการได้ โดยสัดส่วนแบบ 3:2 มีความละเอียดให้เลือกทั้ง 4592 x 3056 พิกเซล (14MP), M: 3344 x 2224 พิกเซล(7.4MP) และ S: 2288 x 1520 พิกเซล (3.5MP) ส่วนสัดส่วน 16:9 มีความละเอียดให้เลือกทั้ง 4592 x 2576 พิกเซล (12MP), M: 3344 x 1872 พิกเซล (6.3MP), S: 2288 x 1280 พิกเซล (2.9MP) โดยรูปแบบไฟล์ที่มีให้เลือกคือ RAW, RAW & JPEG, JPEG Fine, JPEG Standard รูปแบบไฟล์ภาพเคลื่อนไหว AVCHD และ MP4



ความสว่างและสี โดยกล้องตัวนี้มีค่าความไวแสง หรือ ISO ให้เลือกสูงสุดถึง 12800 เริ่มตั้งแต่ Auto, 200, 400, 800, 1600, 3200, 6400 และ 12800 ค่าความสมดุลของแสง หรือ White Balance มี Auto, Daylight, Shade, Cloudy, Incandescent, Fluorescent, Flash และ C. temp./Filter (2500- 9900k with 19-step Magenta/Green compensation) การวัดแสง กลางภาพ เฉพาะจุด หลายจุด

Design of Sony NEX-5



จะว่ากันไปแล้ว ถ้าลองมองข้ามเลนส์คิทที่ทำให้กล้องดูใหญ่โตขึ้น ด้านหน้าของ NEX-5 จะมีดีไซน์คล้ายกับกล้องคอมแพ็กต์ H55 ในตระกูลไซเบอร์ช็อตด้วยบอดี้สีดำที่ผลิตจากแม๊กนิเซียมอัลลอยด์ ที่มีความทนทานสูงเมื่อเทียบกับตัว NEX-3 ซึ่งผลิตจากโพลีคาร์บอร์เนต

ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก และเบาเมื่อเทียบกับกล้อง DSLR ซึ่งถือเป็นข้อดีของกล้องแบบไร้กระจก โดยมีขนาด 110.8 x 58.8 x 38.2 มม. และมีขนาด 229 กรัม (ไม่รวมเลนส์)



ด้านหน้า - มีการออกแบบมาให้พอดีกับการหยิบจับ ทำให้จับใช้งานได้ถนัด และกระชับ พอดีมือ ตรงกลางของตัวเครื่องมีไฟพริบบอกสถานะการทำงานของกล้อง ถัดมาคือเมาส์เลนส์แบบ E-Mount (Alpha D-SLR เป็น A-Mount) ที่มีขนาดหน้าเลนส์กว้าง 49 มม. ด้านล่างคือปุ่มปลดล็อกเลนส์




ด้านหลัง - มีหน้าจอแอลซีดีขนาด 2.95 นิ้ว สามารถปรับขึ้นได้ 80 องศา และปรับลงได้ 45 องศา ถัดมาที่ปุ่มวงกลมด้านขวามือของหน้าจอคือปุ่มเมนู ส่วนปุ่มล่างเป็นปุ่มแนะนำการถ่ายรูปซึ่งจะปรับเปลี่ยนไปตามเมนูการใช้งานของกล้อง ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณต้องการถ่ายภาพบุคคลโดยใช้โปรแกรม Scene เมื่อกดไปที่ปุ่มนี้ ระบบจะทำการแสดงผลเทคนิคการถ่ายภาพบุคคลให้แบบต่างๆ ให้กับคุณ ซึ่งเหมาะมากสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ ที่ต้องการฝึกฝนการถ่ายรูป

ถัดมาที่ด้านขวามือคือโรลเลอร์ควบคุมการทำงานของกล้องที่สามารถหมุนได้รอบ เมื่อกดที่ DISP จะปรากฏหน้าจอแสดงผลให้เลือก 3 รูปแบบขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้งาน ด้านล่างคือปุ่มปรับค่า EV+- หรือการชดเชยแสง ขวามือคือปุ่มควบคุมการทำงานไฟแฟลช ซ้ายมือคือปุ่มปรับ Drive Mode และปุ่มตั้งเวลาถ่ายภาพ



ด้านบน - ปุ่มที่อยู่หน้าสุดสีเงินคือปุ่มกดชัตเตอร์ ถัดลงมาคือสวิตซ์เปิด-ปิดการทำงานของกล้อง ถัดมาคือปุ่มพรีวิวภาพถ่าย ส่วนปุ่มสีแดงคือปุ่มบันทึกภาพเคลื่อนไหว ด้านซ้ายมือมีไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงลงบนวิดีโอ ตรงกลางเมื่อเปิดฝาพลาสติกขึ้นจะพบกับพอร์ตสำหรับการต่อไฟแฟลชเสริม



ด้านขวา - เมื่อเปิดฝาพลาสติกทั้งข้างล่างและข้างบนออก จะพบกับช่องต่อ Mini USB และ HDMI สำหรับการโอนถ่ายข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ รวมถึงการเชื่อมต่อไปยังทีวีที่รองรับการเชื่อมต่อความละเอียดสูงเพื่อรับชมไฟล์ที่บันทึกอยู่ในตัวกล้องผ่านหน้าจอทีวีได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์ ตรงกลางคือช่องสำหรับร้อยสายคล้องคอ



ด้านล่าง - ซ้ายมือคือช่องใส่แบตเตอรีแบบ Lithum Li-ion ความจุ 1020 mAh รุ่น NP-FW50 รวมถึงช่องใส่หน่วยความจำภายนอกที่รองรับทั้งแบบ Memory Srick และ SD Card

บทสรุป

สำหรับ NEX-5 นั้น การใช้งานโดยรวมถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว สามารถตอบโจทย์ทุกกลุ่มการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่เริ่มหัดใช้งานกล้องดิจิตอลโดยจะมีโหมด i-Auto ที่ช่วยให้ถ่ายรูปออกมาได้สวยงาม โดยไม่ต้องตั้งค่าการทำงานใดๆ มีโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป (Scene) ที่มีอยู่บนกล้องคอมแพกต์มาให้ รวมไปถึงโหมด M สำหรับตากล้องมือโปรที่ต้องการปรับค่าต่างๆ เอง

ด้วยความที่เป็นกล้องแบบ Mirrorless ที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ดังนั้นชุดเลนส์ที่มาพร้อมกับกล้องตระกูลนี้จึงมีให้เลือก 3 ช่วงระยะด้วยกันคือ เลนส์คิท 18-55 มม. F3.5-5.6 OSS, เลนส์เทเล 18-200 มม. F3.5-6.3 OSS และเลนส์ฟิชอาย 16 มม. F2.8 อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับเลนส์ของกล้องโซนีอัลฟ่า, มินอลตา, โคนิกา มินอลต้าที่เป็น Auto Focus ได้ทุกรุ่น รวมถึงการรองรับ Ultra Wide Converters ที่มีหน้าเลนส์กว้าง 49 มม.ได้

การเข้าสู่เมนูเพื่อปรับค่าการใช้งาน ยังค่อนข้างซับซ้อน คือไม่สามารถปรับค่าทั้งหมดได้จากปุ่มภายนอก เหมือนการตั้งค่าบนกล้อง DSLR แต่การสั่งการต่างๆ ระบบทำได้ค่อนข้างเร็ว

ในส่วนของคุณภาพภาพที่ได้นั้น มีความคมชัดดี สีค่อนข้างสด ออกติดสีแดงนิดๆ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโซนี การถ่ายในสภาพแสงน้อย แม้จะใช้ ISO สูงถึง 3200 ก็ยังแทบไม่มี นอยส์โผล่ออกมาให้เห็น การถ่ายภาพในระยะใกล้ แม้จะใช้ F 5.6 แต่ภาพที่ออกมาก็ละลายหลังได้ดี

สำหรับแบตเตอรี ซึ่งถือเป็นจุดบอดที่โซนีต้องปรับปรุง เนื่องจากกล้องตัวนี้มีระยะการใช้งานแบตเตอรีค่อนข้างต่ำ อีกทั้งยังใช้เวลาในการชาร์จแบตฯแต่ละครั้งค่อนข้างนาน ดังนั้นเพื่อความชัวร์ในการออกทริปถ่ายรูปแต่ละครั้ง ผู้ใช้งานควรมีแบตเตอรีสำรองติดตัวไปด้วย

สำหรับกล้อง NEX-5 มีจำหน่าย 3 แพ็คด้วยกันคือ แพค A เป็นกล้อง + เลนส์ E 16 F2.8 (SEL16F28) ราคา 22,990 บาท, แพค K กล้อง + เลนส์คิท E 18-55 mm. F3.5-5.6 OSS (SEL1855) ราคา 24,990 บาท และแพค D เลนส์คู่ กล้อง + เลนส์ 2 ตัว ราคา 28,990 บาท

ขอชม
- ขนาดเล็ก พกพาง่าย
- เปลี่ยนเลนส์ได้ และสามารถใช้เลนส์ร่วมกับกล้องตัวอื่นได้
- สามารถถ่ายภาพต่อเนื่อง 7 เฟรมต่อวินาที ทำให้ไปไม่พลาดทุกช๊อตสำคัญ
- มีโปรแกรมถ่ายภาพสำเร็จรูปให้เลือกใช้ตามความถนัดของผู้ใช้งาน
- การบันทึกวิดีโอ ให้ภาพที่คมชัด

ขอติ
- แบตเตอรีหมดเร็ว
- การปรับค่าต่างๆ ยังทำได้ยาก เนื่องจากมีการซับซ้อนในการเข้าถึง
- ไม่มีแฟลชในตัว ต้องใช้แฟลชเฉพาะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น